คำศัพท์ :
ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ พิมพ์ครั้งที่ 31 [คลิก]
คำศัพท์ : หัตถกะอาฬวกะ

อริยสาวกสําคัญทานหนึ่งในฝายอุบาสก เปนอนาคามี ถือกันวาเป็นอัครอุบาสก เนื่องจากเปนผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงยกยองวาเปนตราชูของอุบาสกบริษัท (คูกับจิตตคฤหบดี) ทานเป็นเอตทัคคะในบรรดาอุบาสกที่สงเคราะหบริษัทด้วยสังคหวัตถุ ๔

อริยสาวกทานนี้ี้มีตํานานประวัติตามที่อรรถกถาเลาไววา เปนโอรสของพระเจาอาฬวกะ ราชาแหงแควนอาฬวีเมื่อประสูติ ได้นามวา อาฬวกกุมาร ตอมา ได้มีคํานําหน้านามเดิมเพิ่มขึ้นวา “หัตถกะ” โดยมีความเป็นมาวา แตเดิมมา กอนอาฬวกกุมารประสูติ ตามปกติราชาอาฬวกะทรงนํากองทหารเสด็จออกปาลาสัตวเปนประจําทุกสัปดาห์ เพื่อเปนการหามปรามโจรผูร้าย และปองกันอริราชศัตรู พร้อมทั้งซ้อมกําลังทัพไวครั้งหนึ่ง ทรงตั้งกติกากับเหลาทหารวา ถ้าเนื้อวิ่งหนีออกไปทางขางของผูใด ใหเปนภาระของผูนั้นที่จะไปจับเนื้อมา จําเพาะว่าเนื้อหนีออกไปทางขางของพระองค์ จึงทรงไลตามเนื้อนั้นไปเปนหนทาง ๓ โยชน จนเนื้อนั้นหมดแรงยืนนิ่งแช่น้ำอยู ก็ทรงจับมันฆาเสียได้ แต่แม้การจะสำเร็จ ก็็ทรงเหน็ดเหนื่อย จึงแวะเขาไปประทับนั่งพักใตรมไทรใหญต้นหนึ่ง บัดนั้น เทวดาซึ่งสิงสถิตที่นั่น ก็เข้ามาจับพระหัตถไว และบอกวาตนคืออาฬวกยักษ ไดรับพรจากท้าวมหาราช (คือทาวโลกบาล) วา สัตวใดก็ตามที่ลวงล้ำเขตซึ่งเงาตนไมนั้นตกในเวลาเที่ยงวันเขาไป ใหจับกินได้อาฬวกราชจึงจะตองเปนอาหารของตน พระราชาทรงหาทางรอด ในที่สุด อาฬวกยักษ์ยอมปลอยโดยมีเงื่อนไขวา อาฬวกราชจะทรงสงมนุษยไปใหอาฬวกยักษ์กิน พร้อมทั้งกับแกล้มวันละ ๑ คน ตอนแรกก็สงนักโทษประหารไปให ตอมานักโทษหมด ตองใชวิธีลอคนโดยใหเอาเงินหลวงไปทิ้งไวตามถนนหนทาง ใครหยิบหรือแมแตจับต้อง ก็ตั้งข้อหาแล้วจับตัวมาสงใหอาฬวกยักษ์ พอคนรูกันก็ไมมีใครจับต้องเงินหลวงนั้น ในขั้นสุดท้าย เมื่อไมมีคนที่จะจับได้ ก็วางกติกาใหจับเด็กที่นอนหงายสงไป ทําให้แมลูกออนและสตรีมีครรภ์พากันหนีไปอยู่ในตางแคว้นจนเด็กโต จึงพากลับเข้ามา เวลาล่วงไป ในที่สุด หาเด็กไม่ได้ อาฬวกราชถึงกับต้องยอมให้ส่งโอรสคืออาฬวกกุมารสงไปใหแกอาฬวกยักษ์ ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าทรงมองเห็นอุปนิสัยของอาฬวกกุมารที่จะบรรลุอนาคามิผล และของอาฬวกยักษ์ที่จะเปนโสดาบัน พร้อมทั้งประโยชนที่จะเกิดแกมหาชนจึงเสด็จออกจากพระเชตวัน ทรงดําเนินด้วยพระบาทแตลําพังพระองค์เดียวผานหนทาง ๓๐ โยชน จนมาถึงที่อยูของอาฬวกยักษ์ และเสด็จเขาไปประทับขางในขณะที่อาฬวกยักษ์ไมอยู่ เมื่อยักษ์กลับมาและขับไลพระองค์ด้วยอาการหยาบคายและรุนแรงตางๆ ก็ได้ทรงใช้วิธีออนโยนและขันติธรรมเข้าตอบ จนอาฬวกยักษ์มีใจออนโยนลง ท้ายสุดเปลี่ยนเปนถามปญหา ซึ่งพระองค์ก็ทรงตอบตรงจุดทําใหอาฬวกยักษ์เกิดความเขาใจแจมแจ้งเห็นธรรมบรรลุโสดาปตติผล การทรงผจญและสอนยักษ์ดําเนินไปตลอดคืนจนอาฬวกยักษ์บรรลุธรรมตอนรุงสวาง ก็พอดีราชบุรุษนําอาฬวกกุมารมาถึง เมื่ออาฬวกยักษ์ได้รับมอบอาฬวกกุมารมา ก็ถวายกุมารนั้นแดพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าก็ทรงมอบอาฬวกกุมารคืนใหแกพวกราชบุรุษที่นํามา พร้อมทั้งตรัสวา ใหพวกเขาเลี้ยงราชกุมารนั้นจนเติบโตแล้วจึงคอยนํามาถวายแดพระองค์ใหมอีก และด้วยเหตุที่อาฬวกกุมารนั้นเหมือนเดินทาง ผานจากมือของราชบุรุษสูมือยักษ์ จากมือยักษ์สูพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า และจากพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าวนกลับสู่มือของราชบุรุษอีก อาฬวกกุมารก็จึงได้มีคำว่า "หัตถกะ” มานำหน้าชื่อ เป็นหัตถกะอาฬวกะ เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเชื่อมโยงให้หัตถกะอาฬวกะ เมื่อเจริญวัยขึ้นมา ก็ได้มาใกล้ชิดพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ และไมชาไมนานนัก ก็ได้บรรลุอนาคามิผล
ดู ตุลา, เอตทัคคะ