คำศัพท์ :
สีมาสัมเภทการทำเขตแดนให้ระคนปะปนกัน, การทลายขีดคั่นรวมแดน
1. ในทางพระวินัย หมายถึงการที่สีมาก่ายเกยคาบเกี่ยวกัน คือเป็นสีมาสังกระ;
ดู สีมาสังกระ 2. ในการเจริญเมตตาภาวนา (และเจริญพรหมวิหารข้ออื่นทุกข้อ)
สีมาสัมเภท เป็นขั้นตอนสำคัญของความสำเร็จ กล่าวคือ เบื้องต้น ผู้ปฏิบัติเจริญเมตตาต่อบุคคลที่รักเคารพเริ่มแต่เมตตาต่อตนเองเพื่อเอาตัวเป็นพยาน แล้วขยายจากคนที่รักมาก (ตอนนี้ไม่รวมเพศตรงข้ามและคนที่ตายแล้ว) ออกไปยังคนที่รักที่พอใจ ต่อไปสู่คนที่เฉยๆ เป็นกลางๆ จนกระทั่งคนที่เกลียดชังเป็นศัตรูหรือคนคู่เวร เมื่อใดทำใจให้เมตตาปรารถนาดีต่อคน ๔ กลุ่มได้เสมอกันหมด คือ ต่อตนเอง ต่อคนที่รัก ต่อคนที่เป็นกลางๆ และต่อศัตรูคนคู่เวร เมื่อนั้นเรียกว่าเป็น “สีมาสัมเภท” (คือเหมือนกำแพงที่กั้นพังทลายให้สี่แดนคือคนสี่กลุ่มนั้นรวมเข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียว) ลุถึงขั้นที่มีจิตเมตตาเป็นต้นเสมอกันหมดต่อสรรพสัตว์ทั่วสรรพโลก
ในแง่การปฏิบัติ เมื่อจิตหมดความแบ่งแยกรวมเรียบเสมอลงได้ ก็เกิดเป็นอุปจารสมาธิ และสีมาสัมเภทนั่นเองก็เป็นนิมิตสำหรับการเจริญพรหมวิหารภาวนา
ผู้ที่เจริญเมตตาก็ดี เจริญกรุณาก็ดี เจริญมุทิตาก็ดี เมื่อเสพเจริญนิมิตนั้นไป ในที่สุดก็จะเกิดเป็นอัปปนาสมาธิเข้าถึงปฐมฌาน แล้วเสพเจริญนิมิตนั้นต่อไปอีก ก็จะเข้าถึงทุติยฌาน และตติยฌาน ตามลำดับ ต่อจากตติยฌานนั้น เขาเจริญอุเบกขาภาวนา จนกระทั่งมีจิตเป็นอุเบกขาต่อสรรพสัตว์เสมอกันได้เป็นสีมาสัมเภท และเสพเจริญนิมิตแห่งสีมาสัมเภทนั้นไปจนเกิดจตุตถฌาน
สำหรับบุคคลที่กล่าวมานี้ เมื่อมีจิตเป็นอัปปนาแล้วตั้งแต่ขั้นปฐมฌาน จะมีวิกุพพนา คือ เพราะจิตสงบปลอดโปร่งแคล่วคล่องและเป็นจริง ก็จึงสามารถแผกผันปรับแปรการแผ่เมตตา เป็นต้นนั้น ทั้งในแบบทั่วตลอดไร้ขอบเขตเป็นอโนธิโสผรณา ทั้งในแบบเจาะจงจำกัดขอบเขต เป็นโอธิโสผรณา และในแบบจำเพาะทิศจำเพาะแถบ เป็นทิสาผรณา ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยอัปปมัญญาธรรม
ดู แผ่เมตตา, วิกุพพนา, อโนธิโสผรณา, โอธิโสผรณา, ทิสาผรณา