คำศัพท์ :
ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ 34 [คลิก]
คำศัพท์ : อริยบุคคล ๗

อริยบุคคล 7 (บุคคลผูประเสริฐ — Ariyapuggala: noble individuals) เรียงจาก สูงลงมา
1.อุภโตภาควิมุต (ผูหลุดพนทั้งสองสวน คือ ทานที่ไดสัมผัสวิโมกข 8 ดวยกาย และสิ้น อาสวะแลวเพราะเห็นดวยปญญา หมายเอาพระอรหันตผูไดเจโตวิมุตติขั้นอรูปสมาบัติมากอนที่ จะไดปญญาวิมุตติ — Ubhatobhàgavimutta: one liberated in both ways)
2.ปญญาวิมุต (ผูหลุดพนดวยปญญา คือ ทานที่มิไดสัมผัสวิโมกข 8 ดวยกาย แตสิ้นอาสวะ แลวเพราะเห็นดวยปญญา หมายเอาพระอรหันตผูไดปญญาวิมุตติก็สําเร็จเลยทีเดียว — Pa¤¤avimutta: one liberated by understanding)
3.กายสักขี (ผูเปนพยานดวยนามกาย หรือ ผูประจักษกับตัว คือ ทานที่ไดสัมผัสวิโมกข 8 ดวยกาย และอาสวะบางสวนก็สิ้นไปเพราะเห็นดวยปญญา หมายเอาพระอริยบุคคลผูบรรลุโสดา ปตติผลแลวขึ้นไป จนถึงเปนผูปฏิบัติเพื่ออรหัต ที่มีสมาธินทรียแกกลาในการปฏิบัติ — Kàyasakkhã: the body-witness)
4.ทิฏฐิปปตตะ (ผูบรรลุสัมมาทิฏฐิ คือ ทานที่เขาใจอริยสัจจธรรมถูกตองแลว และอาสวะบาง สวนก็สิ้นไปเพราะเห็นดวยปญญา หมายเอาพระอริยบุคคลผูบรรลุโสดาปตติผลแลวขึ้นไป จน ถึงเปนผูปฏิบัติเพื่ออรหัต ที่มีปญญินทรียแกกลาในการปฏิบัติ — Diññhippatta: one attained to right view)
5.สัทธาวิมุต (ผูหลุดพนดวยศรัทธา คือ ทานที่เขาใจอริยสัจจธรรมถูกตองแลว และอาสวะ บางสวนก็สิ้นไปเพราะเห็นดวยปญญา แตมีศรัทธาเปนตัวนํา หมายเอาพระอริยบุคคลผูบรรลุ โสดาปตติผลแลวขึ้นไป จนถึงเปนผูปฏิบัติเพื่ออรหัต ที่มีสัทธินทรียแกกลาในการปฏิบัติ — Saddhàvimutta: one liberated by faith)
6.ธัมมานุสารี (ผูแลนไปตามธรรม หรือผูแลนตามไปดวยธรรม คือ ทานผูปฏิบัติเพื่อบรรลุ โสดาปตติผลที่มีปญญินทรียแกกลา อบรมอริยมรรคโดยมีปญญาเปนตัวนํา ทานผูนี้ถาบรรลุผล แลวกลายเปนทิฏฐิปปตตะ — Dhammànusàrã: the truth-devotee)
7.สัทธานุสารี (ผูแลนไปตามศรัทธา หรือผูแลนตามไปดวยศรัทธา คือ ทานผูปฏิบัติเพื่อบรรลุ โสดาปตติผลที่มีสัทธินทรียแกกลา อบรมอริยมรรคโดยมีศรัทธาเปนตัวนํา ทานผูนี้ถาบรรลุผล แลวกลายเปนสัทธาวิมุต — Saddhànusàrã: the faith-devotee)

กลาวโดยสรุป

บุคคลประเภทที่ 1 และ 2 (อุภโตภาควิมุต และปญญาวิมุต) ไดแกพระอรหันต 2 ประเภท

บุคคลประเภทที่ 3, 4 และ 5 (กายสักขี ทิฏฐิปปตตะ และสัทธาวิมุต) ไดแกพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และทานผูตั้งอยูในอรหัตตมรรค จําแนกเปน 3 พวกตามอินทรียที่ แกกลา เปนตัวนําในการปฏิบัติ คือ สมาธินทรีย หรือปญญินทรีย หรือสัทธินทรีย

บุคคลประเภทที่ 6 และ 7 (ธัมมานุสารี และสัทธานุสารี) ไดแกทานผูตั้งอยูในโสดาปตติมรรค จําแนกตามอินทรียที่เปนตัวนําในการปฏิบัติ คือ ปญญินทรีย หรือสัทธินทรีย

อยางไรก็ตาม ขอความที่อธิบายมาเกี่ยวกับบุคคลประเภทที่ 3, 4, 5 บางคัมภีรกลาววาเปน การแสดงโดยนิปปริยาย คือแสดงความหมายโดยตรงจําเพาะลงไป แตในคัมภีรปฏิสัมภิทามัคค ทานแสดงความหมายโดยปริยาย เรียกผูที่ปฏิบัติโดยมีสัทธินทรียเปนตัวนํา วาเปน สัทธาวิมุต ตั้งแตบรรลุโสดาปตติผล ไปจนบรรลุอรหัตตผล; เรียกผูปฏิบัติโดยมีสมาธินทรียเปนตัวนํา วาเปน กายสักขี ตั้งแตบรรลุโสดาปตติมรรค ไปจนบรรลุอรหัตตผล; เรียกผูที่ปฏิบัติโดยมี ปญญินทรียเปนตัวนํา วาเปน ทิฏฐิปปตตะ ตั้งแตบรรลุโสดาปตติผลไปจนบรรลุอรหัตตผล; โดยนัยนี้จึงมีคําเรียกพระอรหันตวา สัทธาวิมุต หรือ กายสักขี หรือ ทิฏฐิปปัตตะ ไดดวย แตถา ถือศัพทเครงครัด ก็มีแต อุภโตภาควิมุต กับ ปัญญาวิมุต เทานั้น

ในฎีกาแหงวิสุทธิมัคคคือปรมัตถมัญชุสา มีคําอธิบายวา ผูไมไดวิโมกข 8 เมื่อตั้งอยูในโสดา ปตติมรรคเปน สัทธานุสารี หรือ ธัมมานุสารี อยางใดอยางหนึ่ง ตอจากนั้นเปน สัทธาวิมุต หรือ ทิฏฐิปปตตะ จนไดสําเร็จอรหัตตผล จึงเปน ปญญาวิมุต; ผูไดวิโมกข 8 เมื่อตั้งอยูใน โสดาปตติมรรคเปน สัทธานุสารี หรือ ธัมมานุสารี อยางใดอยางหนึ่ง ตอจากนั้นเปน กายสักขี เมื่อสําเร็จอรหัตตผล เปน อุภโตภาควิมุต

นอกจากนี้ มีขอสังเกตวา บุคคลประเภทกายสักขีนี่เองที่ไดชื่อวา สมถยานิก; สวนคําวา ปญญาวิมุต บางแหงมีคําจํากัดความแปลกออกไปจากนี้วา ไดแกผูที่บรรลุอรหัต โดยไมได โลกียอภิญญา 5 และอรูปฌาน 4 (สํ.นิ.16/283–9/147–150; S.II.121.)

อริยบุคคล 7 นี้ ในพระสุตตันตปฎก นิยมเรียกวา ทักขิไณยบุคคล 7.