ไปยังหน้า : |
คนที่ดําเนินชีวิตดีงามถูกตองเปนประโยชน แมไมรูตัวไมทันไดนึก ก็ไดฝกตนคือศึกษา มีสิกขาอยูตลอดเวลา จึงพัฒนากาวหนาไปในมรรคาชีวิต ในการนี้ เพื่อใหการศึกษาพัฒนาชีวิตนั้นเกิดมีผลดีจริงจังชัดเจน เขา ควรตระหนักรูถึงประโยชนที่ชีวิตควรไดควรถึง ซึ่งก็คือเปนจุดหมายของการพัฒนาชีวิตนั้น ขอใหดูพุทธพจนนี้
“ผู้ไม่ประมาท เป็นบัณฑิต จะยึดเอาได้ซึ่งอัตถะ (ประโยชน์อันเป็นที่หมาย) ทั้ง ๒ อย่าง คือ อัตถะขั้นทิฏฐธัมม์ (ประโยชน์ที่ตามองเห็น) และอัตถะขั้นสัมปราย์ (ประโยชน์ที่ล้ําเลยตา เห็น), คนที่เรียกว่าเป็นปราชญ์ เป็นบัณฑิต ก็เพราะลุถึงอัตถะ”*23
อัตถะคือประโยชนที่หมาย ขั้นตาเห็นเปนทิฏฐธัมม ก็คือชีวิตที่เปนอยูดีดานวัตถุรูปธรรมและสังคม ที่ สําคัญคือ มีสุขภาพ (บาลีนิยมใชวา อายุ) มีทรัพย มียศเกียรติไมตรี มีครอบครัวที่สุขสมาน คําสอนแกคฤหัสถ สําหรับประชาชนทั่วไป วาดวยการสรางเสริมและปฏิบัติในเรื่องเหลานี้มีมาก ตั้งแตวาจะใหสุขภาพดีมีอายุยืน ก็ ใหบริโภคดวยปญญารูคุณคาแท มีมัตตัุญตา รูจักกินเสพใหพอดี สอนการคบหา อยูรวมรวมสรางสรรคใน สังคม ฯลฯ เปนการปฏิบัติธรรมที่ไมควรละเลยหรือมองขาม แตควรเนนย้ําบอยๆ แกชาวบานหมูชนคนทั่วไป*24
ตอไป อัตถะขั้นเลยตาเห็นเปนสัมปราย วาใหสั้นก็คือความเจริญงอกงามของชีวิตนั้น ที่พัฒนาดียิ่งขึ้นไป ทั้งกายวาจา (ศีล) จิตใจ และปญญา วาในขั้นพื้นฐาน สําหรับทุกคนตั้งแตชาวบาน คือ
๑. ศรัทธา มีความเชื่อความมั่นใจที่ทําใหมุงไปในการทํากรรมดีและกาวไปในมรรคาของการพัฒนาชีวิต
๒. ศีล มีพฤติกรรม แสดงออก ทําการทางกายวาจา ที่สุจริต เกื้อกูล ไมทําราย ไมเบียดเบียน ไมทําเสียหาย
๓. จาคะ มีน้ําใจเสียสละ ไมคับแคบเห็นแกตัวเอาแตใจ ใจกวาง พรอมที่จะรับรูรับฟง รวมมือ เผื่อแผชวยเหลือ เพื่อธรรม เพื่ออัตถะ ขางนอก สละเงินทอง ก็งาย ขางใน สละกิเลส เชน มัจฉริยะ มานะ ทิฐิ ก็ได
๔. ปัญญา มีความรูเขาใจทั่วถึงเทาทัน ที่จะดับทุกขภัยแกไขปญหา และคิดการทํากิจใหสัมฤทธิ์ผลอยางดี
บนพื้นฐานนี้ มีอัตถะขั้นสัมปรายที่จะใหกาวไปลุถึงไดมากมาย ตามแตมรรคภาวนาจะกาวไปดวย การศึกษาแหงไตรสิกขาไดแคไหน เฉพาะอยางยิ่งสําหรับภิกษุซึ่งไดเขาสูสังฆะโดยมีชีวิตที่มุงจะกาวไปในไตร ศึกษาอยางอุทิศตัว ทานเนนระดับสูงสุดของอัตถะขั้นสัมปราย ถึงกับแยกออกมาเปนอัตถะอีกขั้นหนึ่ง เปนระดับ ที่ ๓ เรียกวาปรมัตถ หรืออัตถะขั้นบรม ซึ่งมุงจําเพาะใหถึงประโยชนสูงสุด ซึ่งมีความหมายที่จะเรียกวา วิชชา วิมุตติ วิสุทธิ สันติ เกษม สุข นิพพาน ก็ไดทั้งนั้น (ทุกคนมีศักยภาพที่จะลุถึงได)
อัตถะคือประโยชนที่เปนจุดหมาย มีเปนขั้นเปนระดับดังที่วานั้น และอัตถะเหลานั้น ทุกคนควรไดควรถึง โดยที่แตละคนควรชวยเหลือเกื้อหนุนใหคนอื่นลุถึงดวย ดังพุทธดํารัสที่ตรัสไวอีกวา
“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อมองเห็นประโยชน์ตน (อัตตัตถะ) ก็ควรแท้ที่จะทําให้สําเร็จด้วยความไม่ ประมาท, หรือเมื่อมองเห็นประโยชน์ผู้อื่น (ปรัตถะ) ก็ควรแท้ที่จะทําให้สําเร็จด้วยความไม่ประมาท, หรือเมื่อมองเห็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (อุภยัตถะ) ก็ควรแท้ที่จะทําให้สําเร็จด้วยความไม่ประมาท*25
ตามหลักนี้ ทุกคนจึงควรทําเพื่ออัตถะ ๒-๓ ขั้นนั้น ทั้งแกตน แกคนอื่น แกกันและกัน และแกสวนรวม รวมกัน ทั้งนี้ เมื่อคนพัฒนาอัตถะของตน ก็ทําใหเขาเกงยิ่งขึ้นในการทําเพื่ออัตถะของคนอื่นและของสวนรวม
ขอสําคัญก็คือ เมื่อคนทําเพื่ออัตถะของผูอื่น เขาจะไดพัฒนาอัตถะของตนเองอยางมาก เชนในการแกปญหาทํา ประโยชนสําคัญ ใหแกผูอื่นแกสวนรวมแกชุมชนแกสังคม คนจะไดพัฒนาความดีและปรีชาสามารถของตนอยางยวดยิ่ง ดังที่วา บุคคลผูทําการเพื่อคนทั้งโลก เพื่ออัตถะสูงสุดของมวลมนุษย จะไดพัฒนาตนจนมีชื่อวาเปนมหาบุรุษ จนถึงเปนพระโพธิสัตว
เพื่ออัตถะทั้ง ๒-๓ ขั้น ในแดนอัตถะทั้ง ๓ จึงมีภาคปฏิบัติการทั้งหมดแหงพุทธธรรม ฉะนี้