ไปยังหน้า : |
ตามหลักที่ว่า ในขณะที่บรรลุอริยมรรค แม้แต่ผู้ที่มิได้ฌานมาก่อน จิตก็จะเป็นสมาธิถึงขั้นอัปปนา คือถึงระดับฌานในเรื่องนี้ สำหรับผู้มีพื้นความรู้ด้านอภิธรรม พึงดูลำดับกระบวนการทำงานของจิตในตอนบรรลุมรรคผล (อัปปนาชวนวารแห่งมรรควิถี) ของพระวิปัสสนายานิก ตามนัยที่ท่านแสดงไว้ในอุ.อ.๔๒; ปฏิสํ.อ.๓๒; สงฺคณี.อ.๓๕๙; วิสุทฺธิ.๓/๓๑๖, ๓๒๔; สงฺคห.๒๒) ดังที่ถอดความออกเป็นแผนผังได้ ดังนี้
(สังขารุฯ = สังขารุเบกขาญาณ ซึ่งเป็นวิปัสสนาญาณข้อที่ ๘; มโนทฯ = มโนทวาราวัชชนะ; อนึ่ง ปฏิส.อ.๓๒ และสงฺคณี อ.๓๕๙ ได้แสดงเพิ่มจากนี้อีกแบบหนึ่ง โดยมีอนุโลม ๒ ขณะ และมีผลจิตขณะเดียว แต่มีคำคัดค้านใน วิสุทธิ.๓/๓๒๔)
ส่วนลำดับจิตของสมถยานิกอาจแสดงคร่าวๆ ได้ดังนี้ (ตอนมรรควิถีเหมือนข้างบน จึงไม่แสดงรายละเอียด)
ภวังค์ ----------> ฌานวิถี -----------> ภวังค์-----------> วิปัสสนาวิถี ----------> ภวังค์ -----------> มัคควิถี -------->ภวังค์
(วิปัสสนาวิถีนี้ เป็นการแสดงแบบคลุมๆ ความจริง มีการตกภวังค์ได้แล้วๆ เล่าๆ ในระหว่าง)
หลักการที่ว่าจิตที่บรรลุมรรคผลต้องเป็นอัปปนาสมาธินี้ เมื่อมองอย่างกว้างๆ ทำให้เกิดความคิดว่า ความรู้ความเข้าใจหรือความหยั่งรู้หยั่งเห็น ที่จะแจ่มแจ้งชัดเจนและแล่นลึก ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงพื้นจิตของคนได้ กำจัดกิเลส เปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพได้นั้น จะต้องเป็นประสบการณ์ภายในชนิดเต็มทั่วหมดทั้งจิตทั้งใจ หรือโพลงทั้งชีวิตทีเดียว