ไปยังหน้า : |
ก่อนเดินเรื่องต่อไป ขอทบทวนความที่ผ่านมาเล็กน้อย เป็นอันได้เข้าใจกันแล้วว่า ธรรม สิ่ง สภาวะ หรือสภาวธรรม ที่เกิดมีเป็นไปตามเหตุปัจจัย อยู่ในกระบวนของปัจจยาการนั้น เรียกว่าสังขตธรรม หรือสังขารในความหมายกว้าง นี่คือ สังขารอันได้แก่สังขตธรรมทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรม หรือนามธรรม ดังเช่นขันธ์ ๕ ทั้งหมด ที่เป็นชีวิตของมนุษย์ เป็นไปตามเหตุปัจจัยหมดทั้งสิ้น และนี่ก็คือ สังขารคือสังขตธรรมทั้งหมดนั้นเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ที่เรียกว่า ปัจจยาการ หรืออิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท
พร้อมกันนั้น ก็ได้รู้เข้าใจกันด้วยว่า สภาวะที่สิ้นปัจจัย เป็นปัจจยักขัย ซึ่งเรียกว่าอสังขตธรรมหรือวิสังขารนั้นพ้นไป ไม่อยู่ใต้กฎธรรมชาติแห่งปัจจยาการนี้
ที่นี้ นอกจากกฎธรรมชาติแห่งปัจจยาการ หรืออิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาทนี้แล้ว พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงกฎธรรมชาติอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นการประกาศความจริงอีกด้านหนึ่งของสภาวธรรมทั้งปวง ทั้งสังขตธรรม และอสังขตธรรม ดังที่ได้ตรัสไว้ดังนี้